ประวิตร ปัด ไม่รู้จะ ลงโทษ 7 ส.ส. สวนมติพรรค อย่างไร

ประวิตร ปัด ไม่รู้จะ ลงโทษ 7 ส.ส. สวนมติพรรค อย่างไร

ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาว่ายังไม่รู้ว่าจะ ลงโทษ 7 ส.ส. สวนมติพรรค อย่างไร ขณะที่สื่อรายงานว่า ประวิตร เดือดจัดที่มีการสวนมติพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็น การตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง 6 ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ และ 1 ส.ส.ระยอง ที่โหวตสวนมติพรรค ที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค เป็นประธาน

โดยรองนายกฯกล่าวว่า จะใช้เวลาในการตรวจสอบ 15 วัน ว่า ให้รอคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ตนยังไม่รู้ว่าจะต้องลงโทษ ส.ส. ทั้ง 7 คนถึงขั้นไหน อย่างไรก็ตามสำนักข่าว ข่าวสด ได้บรรยากาศและบทสนทนาในที่ประชุมว่า พล.อ.ประวิตร มีท่าที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก พร้อมกล่าวว่า

“โหวตอย่างนี้ รับไม่ได้ แล้วไม่ต้องโพสต์อะไรอีก อย่างนี้มันต้องขับออก ไปรับปากเขามา เขาก็ให้เราเต็ม แต่เรามีปัญหา พรรคเราเสียหาย มันต้องมีบทลงโทษ ทำไมตอนถามในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ว่ามีปัญหาอะไร แล้วไม่บอก”

นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค.-2 มี.ค.57 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานคร (Bangkok Shutdown) ด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพมหานคร รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152

ด้าน นายชนุดม ปิติฤกษ์ เลขานุการศาลอาญา เปิดเผยว่า ศาลอาญามีความพร้อมสำหรับการอ่านคำพิพากษาคดี กปปส.แล้ว โดยใช้ห้องพิจารณา 704 ซึ่งเป็นห้องพิจารณาใหญ่ที่สุดของศาล สามารถรองรับจำนวนคนได้นับร้อยคน อย่างไรก็ตาม ก็ต้องจัดที่นั่งเว้นระยะห่างตามสถานการณ์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด โดยบริเวณประตูทางเข้าอาคารศาลอาญาจะมีเจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิ

โดยขอความร่วมมือทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้บริการ สำหรับการรักษาความเรียบร้อยภายในบริเวณศาลจะมีตำรวจศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธิน เจ้าหน้าที่ รปภ.ศาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการใช้เครื่องสแกนตรวจเพื่อค้นหาอาวุธ วัตถุระเบิดและสิ่งผิดกฎหมาย บริเวณประตูทางเข้าอาคารศาลด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับจำเลยคนสำคัญคดีนี้ อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย อดีตเลขาธิการ กปปส., นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยา, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลฯ, นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม, นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ,

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายแก้วสรร อติโพธิ, นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายพิภพ ธงไชย, นายสาวิทย์ แก้วหวาน, นายสุริยใส กตะศิลา, นายสาธิต เซกัล หรือเซกัลป์, นายสำราญ รอดเพชร, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมบูรณ์ ทองบุราณ, น.ส.รังสิมา รอดรัศมี และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก

รังสิมันต์ โรม ชวนจับตาประชุมพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2 พยายามให้ รธน.แก้ยากขึ้น

รังสิมันต์ โรม ชวนจับตาประชุมสภา พิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ วาระที่ 2 ชี้รัฐบาล ส.ว. กำลังพยายามที่ให้รัฐธรรมนูญแก้ยากขึ้น รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกลได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome – รังสิมันต์ โรม ระบุว่า พรุ่งนี้ 24 – 25 กุมภาพันธ์ 2564 จะมีการประชุมร่วม ส.ส. – ส.ว. ในการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 วาระที่ 2 โดยจะพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมฯ ไปทีละมาตรา

ในครั้งนี้ มี 2 ประเด็นที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่ผมขอชวนให้พี่น้องประชาชนจับตามอง และเรียกร้องไปยัง ส.ส. และ ส.ว. ทุกคน ได้แก่

1. การแก้รัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 กำลังถูกทำให้ยากขึ้น ผมขออธิบายก่อนว่าในการแก้รัฐธรรมนูญที่กำลังเกิดขึ้นนี้ มีการแก้ใน 2 ส่วนสำคัญ คือ

(1) การแก้มาตรา 256 ซึ่งเป็นมาตราที่กำหนดการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 (เรียกได้ว่าเป็น “การแก้วิธีแก้”)

(2) การเพิ่มเรื่อง ส.ส.ร. และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ในส่วนมาตรา 256 นั้น เดิมกำหนดว่าการแก้รัฐธรรมนูญ ให้ใช้เสียงเห็นชอบ “มากกว่าครึ่งหนึ่ง” ของทั้งสองสภา โดยให้มีเสียงจาก ส.ว. “ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3” พูดง่ายๆ คือ ในสภาที่มี 750 คน (ส.ส. 500, ส.ว. 250) ถ้ามีคนเห็นชอบอย่างน้อย 376 คน เป็น ส.ส. อย่างน้อย 292 คน ส.ว. อย่างน้อย 84 คน ก็สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ตอนนี้ ฝ่ายรัฐบาลและ ส.ว. กำลังเปลี่ยนให้การแก้รัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง “ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3” ของทั้งสองสภา หรือเท่ากับ 500 คน

แนะนำ : รีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้า | รีวิวอาหารญี่ปุ่น| รีวิวที่เที่ยว | ดาราเอวี